วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

2 แบงก์ผวาเศรษฐจีนฟุบชะลอปล่อยกู้

2 แบงก์ใหญ่รับต้องระมัดระวังการขยายธุรกิจในจีน อาจต้องชะลอปล่อยกู้ หลังรัฐบาลจีนลดการอัดสภาพคล่องในตลาดเงิน ไม่เกี่ยวสภาพคล่องในประเทศ


(วันที่ 26 มิถุนายน 2556 )


 
             นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2555 ที่ผ่านมาธนาคารได้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในการทำธุรกิจในประเทศจีน หลังจากที่รัฐบาลจีนมีนโยบายชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจจากระดับ 10% ขึ้นไปมาเหลือเลขหลักเดียว โดยนโยบายของธนาคารในปีนี้ไม่เน้นการเติบโตของสินเชื่อมากนัก ทำให้การเติบโตอยู่ในระดับทรงตัวจากปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะต่อเนื่องไปถึงปี 2556 ด้วย เพราะคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน จึงเน้นคุณภาพการเติบโตเป็นหลัก
            
             จาก ปัญหาสภาพคล่องในจีน ที่เกิดขึ้นช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีสาเหตุหลักจากการชะลอตัวของภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลง ภาค การบริโภคในประเทศที่ไม่ขยายตัว  และส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยด้านฤดูกาล  แต่เชื่อว่าประเทศจีนยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอ และไม่ได้มีปัญหาขาดสภาพคล่อง เพียงแต่รัฐบาลจีนตั้งใจที่จะไม่ใส่เงินเข้ามาในระบบเพื่อให้เกิดความสมดุลเหมือนในอดีต เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งสัญญาณเตือนให้ภาคธนาคารระมัดระวังการขยายสินเชื่อมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันธนาคารยังไม่เห็นสัญญาณหนี้เสีย เนื่องจากลูกค้ามีความระมัดระวัง เราเน้นปล่อยสินเชื่อลูกค้าเดิมที่รู้จัก และขยายตัวตามธรรมชาติมากกว่าการเร่งโต
 
"แบงก์โชคดีผู้จัดการที่ส่งไปและฝ่ายกิจการต่างประเทศรู้ดีว่าต้องปลอดภัยไว้ก่อน หากเสี่ยงแบงก์กรุงเทพไม่ไป เสียหายขึ้นมาไม่คุ้ม เพราะฉะนั้นทำอะไรแล้วแต่ต้องคุ้ม และมั่นใจไม่เสียหาย โชคดีของแบงก์กรุงเทพไปไหนไม่เสียหาย เพราะเราตามลูกค้า ที่อยู่ในพื้นที่อาเซียน และไต้หวันที่ไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ เขาไปไหนแบงก์กรุงเทพก็ไปด้วย"
 
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ กล่าว
 
 
 
                อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่านโยบายของจีนในขณะนี้ทำให้ธนาคารอาจต้องชะลอการทำธุรกิจไปบ้าง โดยเฉพาะการปรับลดสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ถือเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ขณะที่เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ธนาคารคงไม่เร่งเครื่องให้เป็นไปตามเป้าหมาย และรอดูว่าในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ แต่ยังยืนยันว่าในระยะยาวธนาคารยังคงปักหลักทำธุรกิจในจีนต่อไปตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร เนื่องจากการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีนไม่ใช่เรื่องง่ายและใช้เวลาพอสมควร ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว
 
 

 

ความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์

 
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีซิมิโก้

                    กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้ขายหุ้นขนาดใหญ่ในระยะสั้น เนื่องจากประเด็นเรื่องการที่เศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงแรง ดังนั้นจะ มีผลกระทบไปถึงบริษัทจดทะเบียนในไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีน โดยบริษัทดังกล่าวประกอบด้วย แบงก์กรุงเทพ(BBL) แบงก์กสิกรไทย(KBANK) บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) บริษัทบ้านปู(BANPU) บริษัทอินโดรามา เวนเจอร์ (IVL) บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย)(TRUBB) บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) บริษัทสหยูเนี่ยน (SUC)

"นักลงทุนควรจะติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีความชัดเจนเศรษฐกิจจีนชะลอตัวแรง บริษัทที่เข้าไปลงทุนในจีนก็น่าจะได้รับผลกระทบ จึงแนะนำให้นักลงทุนขายออกมาก่อนเพื่อความปลอดภัย"  
นักวิเคราะห์กล่าว


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเทศไทย

                   กล่าวว่า การที่ นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดคาดการณ์ จีดีพีของจีนลงนั้น บริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในจีน เช่นบริษัทซีพีเอฟ,แบงก์กรุงเทพ,แบงก์กสิกรไทย, บริษัทบ้านปู,บริษัทอินโดรามา,บริษัทไทยรับเบอร์ฯ,บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ,บริษัทฮานา, บริษัทสหยูเนี่ยน,และบริษัทเครือสหพัฒน์ เป็นต้น อาจจะได้รับผลกระทบ นอกจากนั้นยังมีธุรกิจปิโตรเคมีและเดินเรือที่มีธุรกรรมทางการค้ากับจีนที่อาจได้รับผลลบด้วย

"หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากก็ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชัดเจน ทั้งนี้จีนเป็นผู้บริโภคน้ำมัน ,ปิโตรเคมี,ธัญพืช,โลหะ,เหล็ก,ถ่านหิน รายใหญ่ของโลก ซึ่งหากอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ซบเซาราคาผลิตภัณฑ์ก็จะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ซึ่งเราประเมินว่าราคาโภคภัณฑ์,ธัญพืช และโลหะ จะอยู่ในเกณฑ์ต่ำไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในจีนประมาณ 10 บริษัท รวมถึงยังมีธุรกิจปิโตรเคมีและเดินเรือที่มีธุรกรรมทางการค้าร่วมกับจีน และจะได้รับแรงกดดันจากราคาโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มและบริษัทเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง จึงควรระมัดระวังในการลงทุน"  
นักวิเคราะห์กล่าว
 
 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น